ไมเนอร์ ฟู้ด คว้ารางวัลใหญ่ "องค์กรสุดยอดการตลาดแห่งเอเชียประเภท Marketing 3.0"
ไมเนอร์ ฟู้ด ตอกย้ำความเป็นผู้นำวงการร้านอาหารของเอเชียที่พร้อมมุ่งสู่การเป็นองค์กรระดับโลก คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ "องค์กรสุดยอดการตลาดแห่งเอเชีย ประเภท Marketing 3.0 " จากสหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation หรือ AMF) ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยกลยุทธ์นโยบายและวิสัยทัศน์ในการส่งมอบประสบการณ์พิเศษ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ คู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่ผู้บริโภค รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อมรอบด้าน ถือเป็นองค์กรธุรกิจอาหารแรกและหนึ่งเดียวในไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าว
นายอนุพนธ์ นิธิยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ไมเนอร์ ฟู้ด ในฐานะผู้นำธุรกิจร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยจำนวนร้านที่มีมากกว่า 2,600 แห่ง ใน 24 ประเทศ ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ในเครือ อาทิ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง, ริเวอร์ไซด์ หม่าล่า, พูเลท์ ฯลฯ เป็นต้น มีวิสัยทัศน์และพันธกิจในการดำเนินงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมในทุกด้าน คู่ไปกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุด ตลอดจนสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้บริโภคและทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วม พร้อมทั้งมีความเชื่อมั่นว่าการเติบโตทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมต้องเดินไปด้วยกัน ดังนั้นความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความภาคภูมิใจให้กับองค์กร แต่ยังถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย ที่องค์กรในประเทศได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่เทียบเท่าระดับสากล ตลอดจนรางวัลนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สร้างประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป”
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ผู้แทนองค์กรแข่งขันและรับมอบรางวัล กล่าวว่า ไมเนอร์ ฟู้ด มีการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Responsible Marketing-Preneur หรือองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่กับการมี DNA ของความเป็นผู้ประกอบการ โดยให้ความสำคัญใน 3 ด้าน ด้านแรกคือ การมุ่งเน้นลูกค้า (Customer-focused entrepreneurial spirit) ด้วยการสร้างประสบการณ์และความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค พร้อมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ เช่น เดอะ พิซซ่า คอมปะนี มีการทำให้เมนูพิซซ่าเข้าถึงเด็กในโรงเรียนบริเวณชายขอบประเทศ ผ่านโครงการส่งเสริมรักการอ่าน ซึ่งมีเด็กที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 2 ล้านคน หรือการส่งมอบอาหารให้กับทีมแพทย์ในโรงพยาบาล รวมถึงสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ในช่วงที่เกิดระบาดของไวรัสโควิด 19 ส่วนด้านที่สองคือ การสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อม (Socio-Economy Environmental Impact) ด้วยการตั้งเป้าที่ชัดเจนอย่างลดการใช้พลาสติก 75% จากปี 2018 ซึ่งเป็นปีที่มีการใช้พลาสติกสูงรวมถึงการลดคาร์บอน ตัวอย่างเช่น เดอะ คอฟฟี่ คลับ ที่มีการพัฒนาเมนูกาแฟในรูปแบบ Edible cup แก้วกาแฟจากแป้งโฮลวีท ที่สามารถรับประทานได้ซึ่งช่วยลดการใช้พลาสติกได้ดี ในขณะที่แบรนด์สเวนเซ่นส์มีการส่งเสริมเกษตรกรปลูกมะม่วงพันธุ์อกร่องทอง เพื่อนำมาพัฒนาเป็นไอศกรีมอกร่องทอง และด้านที่สามคือ การส่งเสริมศักยภาพบุคคลากร (People Potential) มุ่งเน้นสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียมทั้งด้านอายุและเพศให้พนักงานทุกคน ได้มีโอกาสเติบโตเป็นหัวหน้างานและผู้บริหาร รวมถึงเริ่มมีการรับพนักงานที่มีอายุเกิน 60 ปีเข้าร่วมในองค์กร ที่มาพร้อมการสนับสนุนทักษะความสามารถ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ร่วมสร้างการเติบโต และความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในประเทศไทย เป็นต้น